วันนี้ผม จะแนะนำ วัดที่น่าไปที่ตัวเมืองจังหวัดระยอง ครับ คือวัดป่าประดู่
วัดป่าประดู่
เป็นอารามหลวง สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ.2372 เคยเป็นวัดร้างมาก่อน มีซากวัดที่เหลือแต่ซากโบสถ์ ซากพระพุทธรูปปางไสยาสน์ และซากองค์พระประธานซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางปาลิไลย์ (จึงเคยมีชื่อ ว่า วัดป่าเลไลยก์ ต่อมาเปลี่ยนชื่อตามท้องที่เป็นวัดป่าประดู่ เพราะมีต้นประดู่ใหญ่อยู่ภายในวัดจำนวนมาก และเพื่อมิให้ชื่อวัดพ้องกับวัดป่าเลไลยก์ จังหวัดสุพรรณบุรีด้วย) ปัจจุบันพระพุทธรูปทั้งสององค์ ได้รับการบูรณะไว้ จึงถือเป็นพระเก่าแก่คู่บ้านเมืองของระยองแห่งหนึ่ง วัดได้รับการพัฒนามาโดยตลอด ปัจจุบันกำลังก่อสร้างอุโบสถหลังใหม่สวยงาม วัดป่าประดู่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองและเป็นอารามหลวง จึงเป็นวัดที่มีความสำคัญต่อชุมชนในการปฏิบัติศาสนกิจและพิธีการทางศาสนาของประชาชนในเมืองเป็นของเก่าที่อยู่คู่วัดมาแต่เดิมเช่นเดียวกับพระพุทธไสยาสน์ และเคยเป็นพระประธานของวัดมาก่อน สูงถึง 6.02 เมตร ประดิษฐานอยู่ในวิหารที่สร้างใหม่ในปี พ.ศ. 2501 เนื่องจากวิหารเดิมทรุดโทรมมาก มีวิหารทิศรอบๆ ด้วย พระนอนตะแคงซ้าย
พระพุทธไสยาสน์ หรือพระนอนวัดป่าประดู่ นับว่าเป็นพระพุทธไสยาสน์ที่แปลกที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย เพราะโดยปกติแล้วเมื่อมีการสร้างพระปางสีหไสยาสน์มักจะสร้างในท่านอนตะแคงขวา แต่พระพุทธไสยาสน์ที่วัดป่าประดู่สร้างในท่านอนตะแคงซ้าย ไม่ปรากฎหลักฐานว่าสร้างในสมัยใด แต่ดูจากพระเกศ ไรพระศก จีวรแล้ว น่าจะเป็นอิทธิพลสมัยอยุธยา มีความยาวจากพระเศียรจรดพระบาท 11.95 เมตร สูง 3.60 เมตร ทำด้วยอิฐถือปูน ในปี พ.ศ. 2478 พระครูสมุทสมานคุณ (แอ่ว) อดีตเจ้าอาวาส ได้บูรณะส่วนที่ชำรุดแล้วปิดทองเสียใหม่ มีผู้สันนิษฐานว่า พระนอนดังกล่าวสร้างตามพุทธประวัติตอนพระพุทธเจ้ากระทำยมกปาฏิหาริย์ (ปรากฏเป็นสองร่าง) ให้พวกเดียรถีย์ชม โดยมีพระพุทธนิมิตแสดงอาการอย่างเดียวกับพระพุทธเจ้าเป็นคู่ ๆ เมื่อถึงอิริยาบถไสยาสน์จึงผินพระพักตร์เข้าหากัน เป็นการนอนตะแคงซ้ายและขวาในลักษณะเดียวกัน ผู้สร้างคงเจตนาสร้างให้มีนัยของพุทธปาฏิหาริย์ดังกล่าว จึงสร้างเป็นพระนอนตะแคงซ้าย
รูปถ่ายเป็นที่ระทึก กับ พระนอนตะแคงซ้าย ครับ
พระปางป่าเลไลยก์ ไหว้พระประจำวันเกิด
ก่อนกลับก็แวะไปรอดใต้พระอุโบสด กันคนละ 3 รอบครับ
อันนี้ไม่มีไร อยากโชว์เฉยๆ อาร์ต มากคนถ่าย ชอบๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น